สัปดาห์ที่ 3
บันทึกอนุทิน
วันที่ 2 กันยายน พ.ศ.2557
ครั้งที่ 3 เวลาที่เรียน 08.30 - 12.20น.
เวลาเข้าเรียน 08.30น. เวลาเลิกเรียน 12.20น.
ให้นักศึกษามานำเสนอบทความที่ได้ไปศึกษามา มาพูดให้เพื่อนฟัง
เรื่องวิทยาศาสตร์และการทดลองสำหรับเด็ก
เรื่องภาระกิจตามหาใบไม้
เรื่องการแยกเมล็ดพืช
เรื่องเจ้าลูกโป่ง
คุณลักษณะตามวัยของเด็กอายุ 3-5 ปี ที่กำหนดไว้ในหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พ.ศ.2546 มีดังนี้
เด็กอายุ 3 ปี
|
เด็กอายุ 4 ปี
|
เด็กอายุ 5 ปี
|
พัฒนาการด้านร่างกาย
- วิ่งและหยุดโดยไม่ล้ม - รับลูกบอลด้วยมือและลำตัว - เดินขึ้นบันไดสลับเท้าได้ - เขียนรูปวงกลมตามแบบได้ - ใช้กรรไกรมือเดียวได้ - วาดและระบายสีอิสระได้ |
พัฒนาการด้านร่างกาย
- กระโดดขาเดียวอยู่กับที่ได้ - รับลูกบอลได้ด้วยมือทั้งสอง - เดินขึ้นลงบันไดสลับเท้าได้ - เขียนรูปสีเหลี่ยมตามแบบได้ - ตัดกระดาษเป็นเส้นตรงได้ - กระฉับการเฉยไม่ชอบอยู่เฉย |
พัฒนาการด้านร่างกาย
- กระโดดขาเดียวไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่องได้ - รับลูกบอลที่กระดอนขึ้นจากพื้นได้ด้วยมือทั้งสอง - เดินขึ้นลงบันไดสลับเท้าได้อย่างคล่องแคล่ว - เขียนรูปสามเหลี่ยมตามแบบได้ - ตัดกระกาษตามแนวเส้นโค้งที่กำหนด - ใช้กล้ามเนื้อเล็กได้ดี เช่น ติดกระดุม ผูกเชือกรองเท้า ฯลฯ - ยืดตัว คล่องแคล่ว |
เด็กอายุ 3 ปี
|
เด็กอายุ 4 ปี
|
เด็กอายุ 5 ปี
|
พัฒนาการด้านอารมณ์
- แสดงอารมณ์ตามความรู้สึก - ชอบที่จะทำให้ผู้ใหญ่พอใจและได้คำชม - กลัวการพลัดจากผู้เลี้ยงดูใกล้ชิดน้อยลง |
พัฒนาการด้านอารมณ์
- แสดงออกทางอารมณ์ได้เหมาะสมกับบางสถานการณ์ - เริ่มรู้จักชื่นชมความสามารถและผลงานของตนเองและผู้อื่น - ชอบท้าทายผู้ใหญ่ - ต้องการให้มีคนฟังคนสนใจ |
พัฒนาการด้านอารมณ์
- แสดงอารมณ์ได้สอดคล้องกับสถานการณ์อย่างเหมาะสม - ชื่นชมความสามารถและผลงานของตนเองและผู้อื่น - ยึดตนเองเป็นศูนย์กลางน้องลง |
เด็กอายุ 3 ปี
|
เด็กอายุ 4 ปี
|
เด็กอายุ 5 ปี
|
พัฒนาการด้านสังคม
- รับประทานอาหารได้ด้วยตนเอง - ชอบเล่นแบบคู่ขนาน (เล่นของเล่นชนิดเดียวกันแต่ต่างคนต่างเล่น) - เล่นสมมติได้ - รู้จักรอคอย |
พัฒนาการด้านสังคม
- แต่งตัวได้ด้วยตนเอง ไปห้องส้วมได้เอง - เล่นร่วมกับผู้อื่นได้ รอคอยตามลำดับก่อน – หลัง - แบ่งของให้คนอื่น - เก็บขอบเล่นเข้าที่ได้ |
พัฒนาการด้านสังคม
- ปฏิบัติกิจวัตรประจำวันได้ด้วยตนเอง - เล่นหรือทำงานโดยมีจุดมุ่งหมายร่วมกับผู้อื่นได้ - พบผู้ใหญ่ รู้จักไหว้ ทำความเคารพ - รู้จักขอบคุณ เมื่อรับของจากผู้ใหญ่ - รับผิดชอบงานที่ได้รับมอบหมาย |
เด็กอายุ 3 ปี
|
เด็กอายุ 4 ปี
|
เด็กอายุ 5 ปี
|
พัฒนาการด้านสติปัญญา
- สำรวจสิ่งต่าง ๆ ที่เหมือนกันและต่างกันได้ - บอกชื่อของตนเองได้ - ขอความช่วยเหลือเมื่อมีปัญหา - สนทนาโต้ตอบ / เล่าเรื่องด้วยประโยคสั้น ๆ ได้ - สนใจนิทานและเรื่องราวต่าง ๆ - ร้องเพลง ท่องคำกลอน คำคล้องจองง่าย ๆ และแสดงท่าทางเลียนแบบได้ - รู้จักใช้คำถาม “อะไร” - สร้างผลงานตามความคิดของตนเองอย่างง่าย ๆ - อยากรู้อยากเห็นทุกอย่างรอบตัว |
พัฒนาการด้านสติปัญญา
- จำแนกสิ่งต่าง ๆ ด้วยประสาทสัมผัสทั้งห้าได้ - บอกชื่อและนามสกุลของตนเองได้ - พยายามแก้ปัญหาด้วยตนเองหลังจากได้รับคำชี้แนะ - สนทนาโต้ตอบ / เล่าเรื่องเป็นประโยคอย่างต่อเนื่อง - สร้างผลงานตามความคิดของตนเองโดยมีรายละเอียดเพิ่มขึ้น - รู้จักใช้คำถาม “ทำไม” |
พัฒนาการด้านสติปัญญา
- บอกความแตกต่างของกลิ่น สี เสียง รส รูปร่าง จำแนกและจัดหมวดหมู่สิ่งของได้ - บอกชื่อ นามสกุล และอายุของตนเองได้ - พยายามหาวิธีแก้ปัญหาด้วยตนเอง - สนทนาโต้ตอบ / เล่าเป็นเรื่องราวได้ - สร้างผลงานตามความคิดของตนเองโดยมีรายละเอียดเพิ่มขึ้นและแปลกใหม่ - รู้จักใช้คำถาม “ทำไม” “อย่างไร” - เริ่มเข้าใจสิ่งที่เป็นนามธรรม- นับสิ่งต่าง ๆ จำนวนมากกว่า 10 ได้ |
ธรรมชาติของเด็กอายุ 3-5 ปี
ทฤษฎีการวางเงื่อนไขแบบคลาสสิค (Classical Conditioning) เป็นการเรียนรู้แบบที่มีต่อสิ่งเร้าสองสิ่ง สิ่งเร้า สิ่งหนึ่งเป็นสิ่งเร้าแท้ และสิ่งเร้าอีกสิ่งหนึ่งเป็นสิ่งเร้าเทียมโดยสิ่งเร้าเทียม จะทำหน้าที่แทนสิ่งเร้าแท้ได้ โดยที่มีผลตอบสนอง เช่นเดียวกับสิ่งเร้าแท้ ผู้ริเริ่มตั้งทฤษฎีนี้เป็นคนแรก คือ พาฟลอฟ (Pavlov) ต่อมาภายหลังวัตสัน (Watson) ได้นำเอาแนวคิดของพาฟลอฟไปดัดแปลงแก้ไขให้เหมาะสมยิ่งขึ้น
อีวาน พาฟลอฟ (Ivan Pavlov) ได้ทดลองในสุนัข โดยให้อาหารสุนัข เมื่อสุนัขได้อาหารจะเกิดพฤติกรรมแบบรีเฟล็กซ์อย่างง่ายขึ้น คือ น้ำลายไหลออกมาขณะที่กินอาหาร ต่อมา พาฟลอฟ ให้อาหารพร้อมกับสั่นกระดิ่งไปด้วยหลายๆ ครั้ง สุนัขจะมีน้ำลายไหลออกมาด้วยเสมอ เพียงแต่ พาฟลอฟสั่นกระดิ่งเท่านั้น สุนัขก็เกิดอาการน้ำลายไหลแล้วทั้งๆ ที่ตามปกติ เสียงกระดิ่ง ไม่สามารถทำให้สุนัขน้ำลายไหลได้
พบว่า ถ้าสั่นกระดิ่งพร้อมกับการให้อาหารทุกครั้งสุนัขที่หิวเมื่อเห็นอาหารหรือได้กลิ่นจะหลั่งน้ำลาย หลังจากการฝึกเช่นนี้มานาน เสียงกระดิ่งเพียงอย่างเดียวสามารถทำให้สุนัขหลั่งน้ำลายได้ การทดลองนี้สิ่งเร้าคืออาหารที่เป็นสิ่งเร้าที่แท้จริง หรือ สิ่งเร้าที่ไม่มีเงื่อนไข (unconditioned stimulus) ส่วนเสียงกระดิ่งเป็นสิ่งเร้าไม่แท้จริงหรือสิ่งเร้ามีเงื่อนไข (conditioned stimulus)
การนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน (การทดลองของวัตสัน)
ความรู้สึกบางอย่างมีมาตั้งแต่เกิด เช่น ความรัก ความโกรธ ความกลัว ฯลฯ
อุปกรณ์การทดลอง
• เด็กชาย อัลเบิร์ด อายุ 11 เดือน
• หนูขาว
• เหล็ก
หลักการ/แนวคิดสู่การปฏิบัติการพัฒนาเด็ก
นักการศึกษา/หลักการ แนวคิด
กีเซล (Gesell)
• พัฒนาการของเด็กเป็นไปอย่างมีแบบแผนและเป็นขั้นตอน เด็กควรพัฒนาไปตามธรรมชาติไม่ควรเร่งหรือบังคับ
• การเรียนรู้ของเด็กเกิดขึ้นจากการเคลื่อนไหว การใช้ภาษา การปรับตัวเข้าสังคมกับบุคคลรอบข้าง
การปฏิบัติการพัฒนาเด็ก
• จัดกิจกรรมเคลื่อนไหวและจังหวะ
• ให้เด็กได้เล่นกลางแจ้ง
• จัดกิจกรรมสร้างสรรค์ฝึกการใช้มือและประสาทสัมพันธ์มือกับตา
• จัดกิจกรรมให้เด็กได้ฟัง ได้พูดท่องคำ
• จัดให้เด็กทำกิจกรรมเดี่ยวและกิจกรรมกลุ่ม
ฟรอยด์ (Freud)
• ประสบการณ์ในวัยเด็กส่งผลต่อบุคลิกภาพของคนเราเมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่ หากเด็กไม่ได้รับการตอบสนองอย่างเพียงพอจะเกิดอาการชะงัก พฤติกรรมถดถอยกับข้องใจส่งผลต่อพัฒนาการของเด็ก
การปฏิบัติการพัฒนาเด็ก
• ครูเป็นแบบอย่างที่ดีทั้งการแสดงออก ท่าที วาจา
• จัดกิจกรรมเป็นขั้นตอน จากง่ายไปหายาก
• จัดสิ่งแวดล้อมที่บ้านและโรงเรียนเพื่อส่งเสริมพัฒนาบุคลิกภาพของเด็ก
อีริคสัน (Erikson)
• ถ้าเด็กอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่เด็กพอใจ ประสบผลสำเร็จ เด็กจะมองโลกในแง่ดีมีความเชื่อมั่นและไว้วางใจผู้อื่น
• ถ้าเด็กอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ไม่ดี ไม่พอใจ จะมองโลกในแง่ร้าย ขาดความเชื่อมั่นในตนเองและไม่ไว้วางใจผู้อื่น
การปฏิบัติการพัฒนาเด็ก
• จัดกิจกรรมให้เด็กได้ประสบผลสำเร็จ พึงพอใจต่อสภาพแวดล้อมของห้องเรียน เพื่อน ครู
• จัดบรรยากาศในห้องเรียนให้เด็กมีโอกาสสร้างปฏิสัมพันธ์ที่ดีต่อสภาพแวดล้อม ครูและเพื่อนๆ
เพียเจท์ (Piaget)
• พัฒนาการทางด้านเชาว์ปัญญาของเด็กเกิดจากการที่เด็กมีปฏิสัมพันธ์กับสภาพแวดล้อมรอบๆตัวเด็ก มีการรับรู้จากสิ่งแวดล้อมใหม่ๆที่เกิดขึ้นตลอดเวลา และมีการปรับขยายประสบการณ์เดิม ความมคิดและความเข้าใจให้ขยายมากขึ้น
• พัฒนาการของเด็กปฐมวัย (0-6 ปี)
1. ขั้นประสาทสัมผัสและการเคลื่อนไหววัย 0-2 ปี เด็กเรียนรู้ทุกอย่างทางประสาทสัมผัสทุกด้าน
2. ขั้นความคิดก่อนปฏิบัติการวัย 2-6 ปี เริ่มเรียนภาษาพูดและภาษาท่าทางในการสื่อสาร ยึดตนเองเป็นศูนย์กลาง คิดหาเหตุผลไม่ได้ จัดหมวดหมู่ได้ตามเกณฑ์ของตนเอง
การปฏิบัติการพัฒนาเด็ก
• จัดกิจกรรมให้เด็กได้ใช้ประสาทสัมผัสทั้ง 5
• จัดให้เด็กฝึกฝนทักษะ การสังเกต การจำแนก เปรียบเทียบ
• จัดกิจกรรมให้เด็กมีโอกาสคิดหาเหตุผลเลือก และตัดสินใจสิ่งต่างๆด้วยตนเอง
• จัดให้เด็กได้เรียนรู้จาสิ่งใกล้ตัวไปสู่เรื่องไกลตัว และมีลักษณะที่เป็นรูปธรรม
ดิวอี้ (Dewey)
• เด็กเรียนรู้โดยการกระทำ
การปฏิบัติการพัฒนาเด็ก
• จัดกิจกรรมให้เด็กได้ประสบผลสำเร็จพึงพอใจต่อสภาพแวดล้อมของห้องเรียน เพื่อน ครู
• จัดบรรยากาศในห้องเรียนให้เด็กมีโอกาสสร้างปฏิสัมพันธ์ที่ดีต่อสภาพแวดล้อม ครูและเพื่อนๆ
สกินเนอร์ (Skinner)
• ถ้าเด็กได้รับการชมเชยและประสบผลสำเร็จในการทำกิจกรรม เด็กสนใจที่ทำต่อไป
• เด็กแต่ละคนมีความแตกต่างกัน ไม่มีใครเหมือนใคร
การปฏิบัติการพัฒนาเด็ก
• ให้แรงเสริม เช่น ชมเชย ชื่นชม เมื่อเด็กทำกิจกรรมประสบผลสำเร็จ
• ไม่นำเด็กเปรียบเทียบแข่งขันกัน
เปสตาลอสซี่ (Pestalozzi)
• ความรักเป็นพื้นฐานสำคัญและจำเป็นต่อการพัฒนาเด็ก ทั้งด้านร่างกายและสติปัญญา
• เด็กแต่ละคนแตกต่างกัน ทั้งด้านความสนใจ ความต้องการและระดับความสามารถในการเรียน
• เด็กไม่ควรถูกบังคับให้เรียนรู้ด้วยการท่องจำ
การปฏิบัติการพัฒนาเด็ก
• จัดกิจกรรมเตรียมความพร้อม ให้ความรักให้เวลา และให้เด็กเรียนรู้จากประสบการณ์
เฟรอเบล (Froeble)
• ควรส่งเสริมพัฒนาการตามธรรมชาติของเด็กด้วยการกระตุ้นให้เกิดความคิดสร้างสรรค์อย่างเสรี
• การเล่นเป็นการทำงานและการเรียนรู้ของเด็ก
การปฏิบัติการพัฒนาเด็ก
• จัดกิจกรรมเรียนรู้ผ่านการเล่นอย่างเสรี
เอลคายน์ (Elkind)
• การเร่งเด็กให้เรียนรู้แต่เล็กเป็นอันตรายต่อเด็ก
• เด็กควรมีโอกาสเล่นและเลือกกิจกรรมการเล่นด้วยตนเอง
การปฏิบัติการพัฒนาเด็ก
• จัดบรรยากาศในห้องเรียนให้เด็กมีโอกาสเล่นและเลือกกิจกรรมการเล่นด้วยตนเอง
การเรียนรู้อย่างมีความสุข
สรุป หลักการจัดการศึกษาสำหรับเด็กปฐมวัย
พัฒนาเด็กให้ครบทุกพัฒนาการ เน้นให้เด็กช่วยเหลือตนเองและอยู่ร่วมกับผู้อื่นอย่างมีความสุข กิจกรรมที่จัดต้องมีความสมดุลยึดเด็กเป็นสำคัญ และต้องประสานสัมพันธ์กับครอบครัวและชุมชน
การเรียนรู้จากการคิดและปฏิบัติจริง
• การเรียนรู้จากการคิดและปฏิบัติจริง
• เรียนรู้โดยผ่านประสาทสัมผัสทั้งห้า
• พัฒนาทักษะ การสังเกต การเปรียบเทียบ การจำแนก การสรุปความคิดรวบยอด การแก้ปัญหา การคิดสร้างสรรค์ ฯลฯ
• กิจกรรมโครงการ กิจกรรมประจำวัน การเล่น กิจกรรมการทดลอง กิจกรรมการศึกษานอกสถานที่ กิจวัตรประจำวัน ฯลฯ
การนำไปประยุกต์ใช้
สามารถนำวิธีการสอนของอาจารย์ไปปรับใช้ในการจัดประสบการณ์ให้เด็กได้ โดยการบรรยายและใช้คำถามกระตุ้นให้เกิดการคิดและการเรียนรู้
ประเมินตนเอง
-ตั้งใจฟังอาจารย์อธิบายแนวการสอน และคิดคำตอบในสิ่งที่อาจารย์ถามเพื่อให้เราคิด
-แต่งกายเรียบร้อยถูกระเบียบ หน้าตาสดชื่น
ประเมินเพื่อน
-เพื่อนสนใจอาจารย์อธิบายแนวการสอนดี มีการตอบคำถามร่วมกับอาจารย์เป็นบ้างคน
-ยังแต่งกายไม่ถูกระเบียบ แต่ส่วนมากจะถูกระเบียบ
-หน้าตาสนชื่นแจ่มใส
ประเมินอาจารย์
-อาจารย์มีเทคนิคการสอนโดยการใช้คำถามกระตุ้นให้นักศึกษาต่อยอดความคิด
-แต่งกายสวยงามและเหมาะสม หน้าตาสดชื่นยิ้มแย้ม
0 Response to " สัปดาห์ที่ 3"